ขุนพันธ์ 3 ภาพยนตร์แอ็กชันฮีโร่ไทยจากฝีมือของผู้กำกับ โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ กลายเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกของปี 2566 ที่สามารถกวาดรายได้รวมทั่วประเทศทะลุ 100 ล้านบาทได้สำเร็จ และยังคงเดินหน้ากวาดรายได้และเสียงชื่นชมจากผู้ชมอย่างต่อเนื่อง ดูหนังใหม่
ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยกระแสตอบรับที่ดีอย่างล้นหลามของ ขุนพันธ์ 3 ยังส่งให้ภาพยนตร์สองภาคแรกอย่าง ขุนพันธ์ (2559) และ ขุนพันธ์ 2 (2561) ก้าวขึ้นสู่ Top 10 ภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทยบนแพลตฟอร์มสตรีมมิงอย่าง Netflix อีกด้วย ซึ่งคอภาพยนตร์ไทยต้องมาร่วมลุ้นกันต่อว่า ขุนพันธ์ 3 จะสามารถกวาดรายได้รวมทั่วประเทศทะลุ 150 ล้านบาทได้สำเร็จหรือไม่
“แก่นหรือหัวใจสำคัญของภาพยนตร์ชุด ‘ขุนพันธ์’ ที่ทำมาโดยตลอด คือสะท้อนสภาพบริบททางการเมือง ทางความเชื่อของผู้คน ความศรัทธาที่ไม่ได้เพียงแค่พูดว่าจงศรัทธา แต่พูดเรื่องบางทีความศรัทธามันก็ถูกท้าทาย บางทีความอยุติธรรมอาจมีอำนาจเหนือแรงศรัทธาในความถูกต้องก็ได้ มันตีความได้หลายอย่าง ศรัทธาในของขลังไสยศาสตร์ ศรัทธาในความดี ศรัทธาในหน้าที่ ที่ตัวละครขุนพันธ์ตรงกับตัวจริงท่านก็คือการศรัทธาในหน้าที่ การเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ เพียงแต่ว่าความเด็ดขาดของท่านมันก็มีเหตุมีผล และมีความเมตตา เราจะเห็นบทสำคัญที่ตัวละครตัวนี้พูดมาตั้งแต่ภาคแรก เปิดเรื่องมาเลยก็คือการให้โอกาส ทุกครั้งที่จะจับโจรท่านจะพูดคำว่า ‘ถ้ามึงเลิกเป็นโจร และไปบวชซะ กูจะจับเป็นมึง’ อันนี้มันสะท้อนถึงความมีใจนักเลงของท่าน คาแร็กเตอร์ของตัวละครแบบนี้มันสนุก มันมีความเป็นฮีโร่ และมันก็เป็นฮีโร่ที่ถูกตั้งคำถามได้